“ตำรวจ ปคบ. จับเครือข่ายจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้า พร้อมตรวจค้นโกดังเก็บบุหรี่ไฟฟ้า ย่านมหาวิทยาลัย เขตบางนา”
ตาม มติ ครม. และนโยบายของรัฐบาล สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องบังคับใช้กฎหมายปราบปรามบุหรี่ไฟฟ้าอย่างจริงจัง เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดในกลุ่มเด็กและเยาวชน ในการนี้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รรท.ผบ.ตร., พล.ต.ท.นิรันดร เหลื่อมศรี ผู้ช่วย ผบ.ตร. ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการเร่งรัดคดียาสูบฯ และ ผู้แทน ผบ.ตร. ในคณะกรรมการควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบแห่งชาติ
จึงได้กำหนดมาตรการปราบปราม โดยเฉพาะการจับกุมผู้ลักลอบจำหน่ายบริเวณรอบสถานศึกษา รวมทั้งผู้จำหน่ายรายใหญ่ เพื่อตัดวงจรการกระจายสินค้าไปยังร้านค้ารายย่อย และมอบหมายให้ กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (บก.ปคบ.) กองบัญชาการสอบสวนกลาง สืบสวนจับกุมให้เกิดผลการปฏิบัติเป็นรูปธรรม
ต่อมา วันพุธ ที่ 9 ต.ค.67 นำโดย พล.ต.ท.นิรันดร เหลื่อมศรี ผู้ช่วย ผบ.ตร., พล.ต.ต.วิทยา ศรีประเสริฐภาพ ผบก.ปคบ., นายปริญญา วงษ์เชิดขวัญ สมาชิกวุฒิสภา กลุ่มการศึกษา และคณะ , นายแพทย์ชยนันท์ สิทธิบุศย์ ผู้อำนวยการกองงานคณะกรรมการควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบ กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข, พันตำรวจตรี กล้าหาญ คล่องพยาบาล รองผู้อำนวยการกองคดีภาษีอากร กรมสอบสวนคดีพิเศษ , พ.ต.อ.สมพล ใจดี รอง ผบก.ปรก.สง.ผู้ช่วย ผบ.ตร. , ได้เดินทางไปร่วมติดตามผลการดำเนินการตรวจค้นจับกุม ของ บก.ปคบ. ซึ่งควบคุมการปฏิบัติโดย พ.ต.อ.อนุวัฒน์ รักษ์เจริญ รอง ผบก.ปคบ., พ.ต.อ.ชัฏฐ นากแก้ว รอง ผบก.ปคบ., พ.ต.อ.ไกรวิศท์ แสนทวีสุข ผกก.1 บก.ปคบ. พ.ต.ท.วิศรุต บางน้ำเค็ม สว.กก.1 บก.ปคบ. และเจ้าหน้าที่ชุดตรวจค้นจับกุม กก.1 บก.ปคบ.
โดยสามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาจำนวน 2 ราย ในขณะกำลังขนบุหรี่ไฟฟ้า ไปส่งให้กับบริษัทขนส่งเอกชน และหลังจากนั้น ได้นำหมายค้นศาลอาญาพระโขนง ไปตรวจค้นอาคารพาณิชย์ (นัมเบอร์วันอพาร์ทเมนท์) ซอยรามคำแหง 2 ซอย 10 แขวงดอกไม้ เขตประเวศ กทม. พบบุหรี่ไฟฟ้า ชนิดสูบแล้วทิ้ง น้ำยาบุหรี่ไฟฟ้า หัวบุหรี่ไฟฟ้า แบบเปลี่ยนหัว เครื่องบุหรี่ไฟฟ้า และคอยด์บุหรี่ไฟฟ้า รวมของกลางประมาณ 30,000 ชิ้น มูลค่าประมาณ 8 ล้านบาท
ที่มาในการตรวจค้นครั้งนี้ สืบเนื่องจาก เจ้าหน้าที่ตำรวจได้สืบสวนหาผู้ลักลอบจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้า ตามช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ พบว่าเว็บไซต์ (vbth 3. com) มีการโฆษณาขายบุหรี่ไฟฟ้า และในการสั่งซื้อสินค้าของเว็บไซต์ ให้ติดต่อผ่านแอปพลิเคชั่น LINE เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้สืบสวนติดตามจนทราบว่า อาคารพาณิชย์ดังกล่าว เป็นสถานที่จัดเก็บและแพ็คสินค้าบุหรี่ไฟฟ้า ก่อนนำส่งลูกค้า จึงได้ขอหมายค้นศาลเพื่อเข้าทำการตรวจค้นจับกุม ดังผลปฏิบัติข้างต้น สำหรับผู้ต้องหา ถูกดำเนินคดีข้อหา “ขายสินค้าที่คณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคสั่งห้ามขาย (บุหรี่ไฟฟ้าและน้ำยาบุหรี่ไฟฟ้า)” อันเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.คุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ.2522 และ “ช่วยซ่อนเร้น ช่วยจำหน่าย ซื้อ รับจำนำ หรือรับเอาไว้โดยประการใดซึ่งของอันตนพึงรู้ ว่าเป็นของอันเนื่องด้วยความผิดมาตรา 246” ตาม พ.ร.บ.ศุลกากรฯ พ.ศ.2560″ นำตัวส่ง พงส. ดำเนินคดี
ผลการดำเนินการดังกล่าว เป็นการบูรณาการความร่วมมือการปฏิบัติระหว่างหน่วยงานภาครัฐ ได้แก่ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กระทรวงสาธารณสุข กรมสอบสวนคดีพิเศษ ตลอดจนภาคีเครือข่ายจากสมาชิกวุฒิสภา เพื่อร่วมกันแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของบุหรี่ไฟฟ้าให้เกิดผลเป็นรูปธรรมตามนโยบายของรัฐบาล
## สำนักงานตำรวจแห่งชาติขอประชาสัมพันธ์ให้ทราบว่า การจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าเป็นความผิดตามกฎหมาย มีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 600,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ##
## หากประชาชนท่านใด พบเห็นหรือมีเบาะแสเกี่ยวกับการกระทำความผิดเกี่ยวกับบุหรี่ไฟฟ้า สามารถแจ้งเบาะแสได้ที่ สายด่วน 1599 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ##
