นราธิวาส รมว.ยุติธรรม เผยคดีนักกิจกรรม 9 คน ที่ถูกฟ้องอาจจะเข้าใจผิดความหมายของภาษาที่ไม่ได้เป็นการยุยง และเชื่อว่าไม่กระทบต่อการพูดคุยสันติภาพ
เมื่อเวลา 13,30 น. วันที่ 25 ม.ค.68 พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม พร้อมคณะ พล.ต.ท. พัฒนวุธ อังคะนาวิน ที่ปรึกษารัฐมนตรีกระทรวงยุติธรรม นายกูเฮง ยาวอหะซัน เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม นายกมลศักดิ์ ลีวาเมาะ โฆษกพรรคประชาชาติ และสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จ.นราธิวาส เขต 5 พรรคประชาชาติได้เดินทางมาเรือนจำ จ.นราธิวาส เพื่อร่วมกิจกรรมพบญาติอย่างใกล้ชิด ยุติธรรมนำสันติสุขด้วยรักและห่วงใย จากใจกระทรวงยุติธรรมและกรมราชทัณฑ์ เนื่องในโอกาสวันปีใหม่ โดยมีนายสุรินทร์ จันทร์เทพ ผู้บัญชาการเรือนจำจังหวัดนราธิวาส และเจ้าหน้าที่ในสังกัดกระทรวงยุติธรรมคอยให้การต้อน
ซึ่งการจัดกิจกรรมในครั้งนี้ เป็นการจัดกิจกรรมพบญาติของผู้ต้องขังคดีความมั่นคง จำนวน 40 คน ที่ได้โยกย้ายจากเรือนจำบางขวางมาเข้าอยู่เรือนจำ จ.นราธิวาส ซึ่งส่วนใหญ่ผ็ต้องขังคดีความมั่นคงจะเป็นคนในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้ ในการอำนวยความสะดวกให้เครือญาติสามารถเยี่ยมหรือพบญาติได้สะดวก จากกิจกรรมดังกล่าวในวันนี้ ได้พบเห็นเครือญาติของผู้ต้องขังคดีความมั่นคง ได้หอบลูกหลานมาเยี่ยมและสวมกอดกันอย่างใกล้ชิด ซึ่งทางเรือนจำได้มีการจัดอาหารให้ทางผู้ต้องขังคดีความมั่นคง ได้รับประทานกับครอบครัวด้วยความอิ่มหนำสำราญ
และได้มีโอกาสพูดคุยสอบถามกับผู้ต้องขังคดีความมั่นคงรายหนึ่ง ซึ่งมีภูมิลำเนาอยู่ในพื้นที่ จ.นราธิวาส ได้เปิดเผยความในใจ พอสรุปใจความว่า หลังจากถูกรับโทษตนเองรู้สึกผิดพลาดในการกระทำที่ผ่านมา ที่ทำให้ครอบครัวและชาวบ้านเดือดร้อน จึงต้องการให้ผู้ที่เดินผิดพลาดไปแล้วในขณะนี้ สามารถที่จะหันกลับเนื้อกลับตัวและกลับใจมันยังไม่สาย เราจะหนีหรือหลบซ่อนตัวไปทั้งชีวิตทำไม
ซึ่งก่อนที่ พ,ต.อ.ทวี รมว.ยุติธรรม จะเดินทางกลับได้มีการมอบคัมภีร์อันกุรอาน ให้กับผู้ต้องขังคดีความั่นคง นำไปศึกษาบทบัญญัติหรือคำสั่งสอนให้ถูกต้อง เพื่อที่จะได้ดำเนินชีวิตไม่ผิดพลาดซ้ำ และเมื่อพ้นโทษออกมาเมื่อมีโอกาสจะได้ทำหน้าที่การประชาสัมพันธ์ให้ชาวบ้านที่อาศัยอยู่ในละแวกภูมิลำเนา ได้ดำเนินชีวิตที่ถูกต้องและเป็นแบบอย่างที่ดีของเยาวชนต่อไป
ด้าน พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ได้พูดถึงกรณีนักกิจกรรม 9 คน ที่ถูกอัยการจังหวัดปัตตานียื่นฟ้องในคดียุยงปลุกปั่นอั้งยี่ซ่องโจรจากการจัดงานมลายูรายอที่ อำเภอสายบุรี จังหวัดปัตตานี เมื่อปี 2565 ว่า ก่อนอื่นก็ต้องให้กำลังใจกับผู้ที่ถูกฟ้องไปเพราะว่าในกระบวนการยุติธรรม ตราบใดที่ศาลยังไม่ตัดสินถึงที่สุดก็ยังถือว่าเค้าเป็นผู้บริสุทธิ์ ซึ่งกระบวนการนี้เป็นกระบวนการยุติธรรม ก็ต้องเรียนว่าในกระบวนการยุติธรรมของประเทศไทย เรามีรัฐธรรมนูญรองรับ โดยอัยการเป็นองค์กรตามรัฐธรรมนูญเหมือนศาลแล้วเขาก็จะมีอิสระในการสั่งสำนวน ซึ่งในส่วนของทั้ง 9 คนที่ถูกฟ้องไป ซึ่งถ้าเขาฟ้องข้อหาอื่นโดยที่ไม่ใช่ข้อหาเรื่องวัฒนธรรม เรื่องการแต่งกาย เนื่องจากว่าอาจจะเป็นข้อความที่ภาษา ซึ่งทางทุกท่านก็ยังเชื่อว่ามีความบริสุทธิ์ เนื่องจากภาษาที่ใช้เป็นภาษาที่ไม่ได้ยุยงส่งเสริม แต่เป็นภาษาที่สร้างสันติภาพมากกว่า แต่อย่างไรก็ตามเมื่ออัยการฟ้องไปแล้ว ในส่วนของกระทรวงยุติธรรมในก่อนหน้านี้เขามีการขอความเป็นธรรม และผมก็ได้ทำหนังสือไปถึงอัยการสูงสุด แต่ทำไปเราก็รู้ถึงหน้าที่ว่าเราไม่สามารถจะไปก้าวก่ายดุลยพินิจของอัยการได้ ซึ่งโดยหลักการของรัฐธรรมนูญจะต้องไม่ใช้กฎหมายอยู่เหนือศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ จะต้องไมาใช้กฎหมายอยู่เหนือจิตหลักนิติธรรมหรือต้องไปใช้กฎหมายอยู่เหนือหลักความเป็นธรรม ซึ่งอันนี้ก็เป็นกระบวนการหนึ่ง ซึ่งเราก็ยังอยากให้กำลังใจ ซึ่งเรื่องนี้ก็ต้องเรียนว่ามันเป็นเรื่องที่มีมายาวนาน แม้แต่ สส.ไม่ใช่พรรคใดพรรคหนึ่ง หรือคนในพื้นที่ก็ยังให้กำลังใจกับผู้ที่ถูกอัยการฟ้อง ซึ่งมันเป็นเรื่องปกติอย่างนี้แม้แต่ในกรุงเทพ โดยก่อนหน้านี้แม้แต่เป็นเรื่องใหญ่ๆก็เป็นคนที่อยู่กับพรรคการเมืองที่เป็นรัฐบาลแท้ๆ ก็ร้องขอความเป็นธรรมไปที่อัยการ ซึ่งอัยการก็จะฟ้อง แต่ว่าเราเชื่อมั่นว่าสิ่งที่เราได้พิจารณาไปว่าข้อหาเรียกเข้าเลยไม่มีข้อหาเรื่องการแต่งกาย พอไปบอกว่าเรื่องชุดมลายู มองไปในเรื่องของการยุยงส่งเสริม ซึ่งประเด็นนี้เป็นประเด็นทางภาษา
ต่อมา พ.ต.อ.ทวี รมว.ยุติธรรม ได้ตอบข้อซักถามกรณีของนักกิจกรรมทั้ง 9 คน ที่ถูกฟ้องดำเนินคดี จะมีผลกระทบต่อการพูดคุยสันติภาพหรือไม่นั้น ว่า เชื่อว่ามีความจริงใจว่าจะให้เกิดสันติภาพและสันติสุขขึ้นมา ซึ่งทุกสิ่งนั้นมันเป็นบททดสอบ และที่สำคัญคือรัฐบาลมีความจริงใจ เราคิดว่าพื้นที่แห่งนี้เป็นพื้นที่ที่มีศักยภาพ และเราคิดว่าถ้าทุกคนหันหน้ามาพูดคุยกันและอยู่ในการบริหารการปกครองที่ทุกคนยอมรับได้ มันจะเป็นพื้นที่ที่เป็นโอกาสของประเทศด้วยซ้ำไป และเชื่อว่าต้องทำความเข้าใจ โดยเป้าหมายของเราต้องการให้เกิดสันติภาพและมีความสันติสุขที่ยังยืน
ข่าว-นูอารีซ๊ะ ยะยือริ