หน้าแรกภูมิภาคผบช.ภ.3 ตรวจพื้นที่แนวชายแดนจ.อุบลฯ ประชุมแก้ไขปัญหายาเสพติด สิ่งผิดกฎหมาย และแรงงานต่างด้าวหลบหนีเข้าเมือง

ผบช.ภ.3 ตรวจพื้นที่แนวชายแดนจ.อุบลฯ ประชุมแก้ไขปัญหายาเสพติด สิ่งผิดกฎหมาย และแรงงานต่างด้าวหลบหนีเข้าเมือง

กดที่นี่เพื่ออ่านข่าว

ผบช.ภ.3 ตรวจพื้นที่แนวชายแดนจ.อุบลฯ ประชุมแก้ไขปัญหายาเสพติด สิ่งผิดกฎหมาย และแรงงานต่างด้าวหลบหนีเข้าเมือง

วันนี้ (23 ม.ค.68)  เวลา 10.00 น. พล.ต.ท.วัฒนา ยี่จีน ผบช.ภ.3 เดินทางไปตรวจพื้นที่แนวชายแดนในเขตพื้นที่ สภ.ช่องเม็ก ภ.จว.อุบลราชธานี และเป็นประธานการประชุมบูรณาการเพื่อร่วมกันแก้ไขปัญหายาเสพติด สิ่งผิดกฎหมาย และแรงงานต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองตามแนวชายแดน โดยมี พล.ต.ต.วิวัฒน์ สีลาเขตต์ รอง ผบช.ภ.3, พล.ต.ต.รุทธพล เนาวรัตน์ ผบก.ฯ รรท.รอง ผบช.ภ.3, น.ส.สุดารัตน์ พิทักษ์พรพัลลภ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เขต 7 จังหวัดอุบลราชธานี, รอง ผบก.ภ.จว.อุบลราชธานี, หัวหน้าสถานีตำรวจภูธรในสังกัด ภ.จว.อุบลราชธานี, ผู้แทนจาก ตม.จว.อุบลราชธานี, ตชด.226, ตำรวจท่องเที่ยว, อำเภอสิรินธร, ด่านศุลากรช่องเม็ก, ปปส.ภาค 3, สนง.ขนส่งผู้โดยสารช่องเม็ก,สรรพสามิตจังหวัดอุบลราชธานี, กกล.สุรนารี, ร้อย ทพ.2301ร่วมประชุมและหารือแนวทางแก้ไขปัญหา ณ ห้องประชุมชั้น 3 อาคารด่านศุลกากรช่องเม็ก อ.สิรินธร จ.อุบลราชธานี

จากนั้นเวลา 12.30 น . เดินทางไปตรวจเยี่ยม มอบสิ่งของบำรุงขวัญให้กับข้าราชการตำรวจ สภ.ช่องเม็ก อ.สิรินธร จ.อุบลราชธานี เพื่อเป็นขวัญกำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่ และได้รับทราบการรายงาน มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมตามแนวชายแดน ผลการปฏิบัติ การตรวจค้นจับกุม การสอบสวนดำเนินคดี ในเขตพื้นที่ ภ.จว.อุบลราชธานี และ สภ.ช่องเม็ก จึงได้กำชับการปฏิบัติ ดังนี้

1.ให้มีการบูรณาการด้านการข่าว ของทุกหน่วยที่ทำงานในพื้นที่ แลกเปลี่ยนข้อมูลกัน จัดเก็บข้อมูลอย่างเป็นระบบ และปรับปรุงข้อมูลให้เป็นปัจจุบันอยู่เสมอ  2.ให้ทำการสืบสวนระบุเป้าหมายบุคคลที่มีพฤติการณ์กระทำผิดในลักษณะลักลอบผ่านเข้าออกชายแดน ทั้งช่องทางปกติ และช่องทางธรรมชาติ เพื่อกระทำการผิดกฎหมาย โดยเน้นการลักลอบขนคนต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย การลักลอบขนอาวุธปืน อาวุธสงคราม วัตถุระเบิด ยาเสพติดให้โทษ สินค้าหลีกเลี่ยงภาษี รถยนต์ รถจักยานยนต์ที่ผิดกฎหมาย ให้มีการจับกุมอย่างจริงจังเห็นผลเป็นรูปธรรม  3.ให้จัดชุดสืบสวนติดตามพฤติการณ์เชิงลึก บุคคลที่เกี่ยวข้องกับการกระทำผิด เก็บรวบรวมพยานหลักฐาน และให้มีการปิดล้อมตรวจค้นเป้าหมาย จับกุมการกระทำผิดกฎหมายทุกประเภท เมื่อมีการจับกุมดำเนินคดี ให้มีการสอบสวนขยายผล หากพบว่าเป็นการกระทำผิดที่เป็นขบวนการ ให้นำกฎหมายทุกฉบับที่เกี่ยวข้องมาบังคับใช้

4.ในการสอบสวนคดี ให้มีการประสานงานกันเรื่องข้อกฎหมายกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กฎหมายเกี่ยวกับศุลกากร สรรพสามิต ป่าไม้ เพื่อวางแนวทางการสอบสวน ดำเนินการได้ครบทุกประเด็น มีพยานหลักฐานแน่นหนารัดกุม อุดช่องว่างทางกฎหมาย สามารถฟ้องให้ลงโทษผู้กระทำผิดได้อย่างจริงจัง  5.การตั้งด่านตรวจค้น ต้องเป็นไปตามหลักยุทธวิธีตำรวจ มีนายตำรวจระดับสัญญาบัตรเป็นหัวหน้าผู้ควบคุม ทำหน้าที่ด้วยความเข้มแข็ง จริงจัง ภายใต้กรอบของกฎหมาย ให้มีการบันทึกภาพนิ่ง ภาพเคลื่อนไหวระหว่างปฏิบัติหน้าที่เพื่อใช้อ้างอิงเป็นพยานหลักฐานได้

6.ให้บูรณาการในการตั้งด่านตรวจค้น มีตัวแทนจากทุกฝ่ายร่วมปฏิบัติ สามารถจับกุมความผิดตามกฎหมายได้ทุกประเภท เป็นเจ้าพนักงานผู้รับผิดชอบ และเป็นผู้ช่วยเหลือเจ้าพนักงาน ซึ่งกันและกันได้  7.ให้จัดชุดลาดตระเวน ตรวจตราเส้นทาง ช่องทางธรรมชาติที่มักมีการลักลอบใช้ข้ามแดนไปมา ให้ประสานหน่วยเกี่ยวข้องหามาตรการป้องกัน หรือปิดเส้นทาง ช่องทางดังกล่าว และ 8.ให้ผู้บังคับบัญชาทุกระดับชั้น ควบคุมตรวจสอบการปฏิบัติหน้าที่ของผู้ใต้บังคับบัญชา มิให้มีการเรียกรับเงิน ทรัพย์สิน ผลประโยชน์อื่นใดที่มิชอบด้วยกฎหมายโดยเด็ดขาด หากพบให้ดำเนินการทั้งการปกครอง วินัย และอาญา ทุกราย และให้พิจารณาข้อบกพร่องของผู้บังคับบัญชาชั้นต้น ตามคำสั่ง ตร.ที่ 1212/2538 ด้วย

/////////////////////////////////////////

Ad 1
Ad 2