เล่าสู้กันฟัง..!!
“ประเทศชาติยังต้องการคนดี คนเก่ง คนกล้า “
การแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการตำรวจประจำปี พ.ศ. 2567 นั้นในฐานะที่เคยเป็นข้าราชการตำรวจ ผมมีข้อสังเกตุบางประการดังนี้
1.หัวใจของการปฏิรูปตำรวจคือ การแต่งตั้งโยกย้ายต้องเป็นธรรม ต้องไม่มีการซื้อขายตำแหน่งโดยเด็ดขาด ที่จริงในร่าง พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ ฉบับปัจจุบัน ในฐานะสมาชิกวุฒิสภาขณะนั้น ผมเคยเสนอคำแปรญัตติแก้ไขไว้ 19 ประเด็น ได้รับการแก้ไขไม่กี่ประเด็น เช่นงานจราจรเดิมทีจะให้โอนไปอยู่ กทม เมืองพัทยา ทบน. เป็นต้น แต่ผมแปรญัตติตัดมาตรานี้ออกทั้งหมดและอภิปรายในสภาจนที่ประชุมรัฐสภาเห็นชอบตามผมงานจราจรจึงยังคงอยู่กับตำรวจต่อไปส่วนประเด็นอื่นๆที่เกี่ยวกับการแต่งตั้งโยกย้ายโดยเฉพาะ ที่มาของ ก.ตร.ที่ควรมาจากการเลือกตั้งเป็นหลักเพื่อถ่วงดุลย์อำนาจยังไม่มีการแก้ไข ในส่วนของการซื้อขายตำแหน่งนั้นผมเสนอให้มีการกันผู้ซื้อไว้เป็นพยานโดยต้องระบุไว้ชัดเจนในกฎหมายเฉกเช่นเดียวกับกฎหมายของ ปปช กกต สส และ สว. แต่ก็ไม่มีการแก้ไขเช่นกัน ทำให้การดำเนินคดีกับผู้ขายตำแหน่งเป็นไปได้ยากมากจนถึงยากที่สุดเลยละ
2.ตำรวจไม่เหมือนศาล หรืออัยการซึ่งที่ผ่านมาไม่มีการซื้อขายตำแหน่ง หรือไม่มีวิ่งเต้นเส้นสายหรือน้อยมาก การใช้หลักอาวุโสจึงทำได้ดี แต่ของตำรวจพวกอาวุโสหลายปี เพราะซื้อขายตำแหน่งมาหรือพวกไม่ค่อยอยู่งานโรงพัก อาศัยวิ่งเต้นเส้นสายข้ามไปมา ไม่มีความรู้ความเข้าใจในงานโรงพัก หรืองานเฉพาะทาง เช่น พฐ. งป พต. ฯลฯ เท่าที่ควร เหมาะสมหรือไม่ที่จะให้ผู้อาวุโสมากๆเหล่านี้ ซึ่งอาจไม่ใช่คนดี มีความรู้ความสามารถ ไปทำหน้าที่ดังกล่าว แม้จะอ้างว่าเป็นงานบริหารก็ตาม
3.การกำหนดว่าจะต้องอาวุโสกี่ปีๆถึงจะเป็น ผบช. ได้นั้นอาจจะไม่ได้คนดี มีความรู้ความสามารถ ซื่อสัตย์สุจริต มาทำหน้าที่เพื่อส่วนรวมอย่างแท้จริงดังกล่าว แต่อาจจะได้เฉพาะพวกซื้อตำแหน่ง หรือพวกวิ่งเต้นเส้นสายแก่เฒ่าเพราะอยู่นานตามข้อ 2 บางคนจึงเอาแต่ถอนทุน เอาแต่ผลประโยชน์ส่วนตัว ก่อความเดือดร้อนวุ่นวายไปหมดดังที่เป็นข่าว ผมจึงอยากให้การแต่งตั้งตามกฎหมายใหม่นี้ ค่อยๆเป็นค่อยๆไป อย่าพึ่งหักด้ามพร้าด้วยเข่าในทันที การเอาอาวุโสเป็นหลักอย่างเดียว(ซึ่งความจริง 100 % 50 %หรือ 33% ก็น่าจะพอแล้ว) อาจไม่ได้คนดีมีความรู้อย่างแท้จริงก็ได้ ผมขอยกตัวอย่างผมเองที่ทำแต่งานมาตลอด ทุกที่ทุกแห่งมีแต่ประชาชนรักศรัทธา แต่วิ่งเต้นไม่เป็น เลยถูกดองเปรี้ยวดองเค็มเสียนาน จึงเป็นผกก. 9 ปี (หลักเกณฑ์ขณะนั้น 4 ปี) 5 โรงพัก ทั้งๆที่ได้รับรางวัลชนะเลิศโครงการพัฒนาสถานีตำรวจเพื่อประชาชนจาก ผบ.ตร และเป็นที่รักของประชาชน แต่กลับไม่ได้ขึ้น ในที่สุดกว่าจะได้เป็นรอง ผบช.จึงเหลืออายุราชการแค่ 4 ปี ดีที่ผมเป็นรอง ผบช. 2 ปีก็ได้ขึ้นเป็น น.1 แต่ทำหน้าที่ได้เพียง 2 ปีก็เกษียณ หมดโอกาสทำงาน ทำความดีเพื่อชาติศาสน์กษัตริย์และประชาชน ต่อไปแล้ว
4.การปฏิรูปตำรวจนั้น นอกจากวางโครงสร้าง วางระบบองค์กรดี สิ่งสำคัญนอกจากอาวุโสแล้ว คือ ก.ตร. ต้องพยายามแสวงหาคนดี คนเก่ง และที่สำคัญคือต้องกล้าทำในสิ่งที่ที่เป็นประโยชน์ต่อส่วนรวมให้มากที่สุด จึงจะทำให้ตำรวจเป็นที่พึ่งของประชาชนได้อย่างแท้จริง
ผมหวังว่าข้อสังเกตุ ของผมคงเป็นประโยชน์ไม่มากก็น้อย # ตำรวจดี บ้านเมืองสงบ # รักเธอประเทศไทย # ทำดี ทำได้ ทำทันที
ด้วยความปรารถนาดี
น.1 บึ่งทุกที่
19 พ.ย. 2567